12.28.2553

"ไม่เสียใจที่เคยบอกรัก"

ไม่น่าเชื่อนะ...ว่า 6 ปีมาแล้ว
ที่เราติดตามผลงานของคนที่รู้จักกันในชื่อ "Portrait"
(แน่สิ...ขนาดงานแฟตเอ็งยังไปมา 9 ครั้งเลยนะยะ)

เพราะเราหลงรักเพลงเศร้า ทั้งในเวลาที่เราไม่เศร้า
ฟังทั้งเวลาที่เราเหงา
ฟังแม้ในวันที่เรามีความรัก

เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเพลงที่โปรดที่สุดคือเพลงไหน
เพราะเราโปรดเกือบทุกเพลง

ทั้งฟังเพลง
อ่านแม้กระทั่งไดอารี่
จนตอนนี้ลามมาทวีต

รักตัวอักษร ชอบฟังเสียง และดูคอนเสิร์ตบ่อยเท่าที่จะอำนวย

ยังจำวันที่เราไปดูคอนเสิร์ตครั้งนั้นได้
ยังเก็บตั๋วนั้นไว้อยู่เลย
ยังจำได้ว่า เขียนไว้ใน spaces ในตอนนั้นด้วย
(โอ๊ะ...ค้นเจอด้วยแฮะ!!!)

September 03, 2006
ยิ้มทั้งน้ำตาซึม

วันนี้ไปดูคอนเสิร์ตพี่ปอย Portrait ที่สตูดิโอพระราม 9
รู้สึกไม่อยากถ่ายรูปมา
เพราะจะทำให้เสียเวลาในการฟัง (เว่อร์ไหม??)
แต่ความรู้สึกวันนี้ มันอิ่มๆ
ไม่ได้อิ่มแบบนี้มานานแล้วนะ
มันสุข แบบปนเศร้า
รู้สึกว่ายังมีคนเหมือนเราอยู่อีกมาก

ชอบที่พี่พูดว่า "การจะหาเหตุผลกับความรักมันเป็นไปไม่ได้ เรากลับทำได้แค่มีความรักต่อไปเท่านั้น...มีรอยยิ้มและน้ำตาต่อไป"

เพลงบางเพลง ก็ช่างเหมือนๆๆๆ
"...ฉันไม่อยากจะรับรู้ว่าโลกนี้สวยงามแค่ไหน ถ้าฉันต้องผ่านมันไปเพียงลำพัง..."
"...คงสักวันที่เธอหันมองกลับมา หรือเป็นฉันที่ใจยอมหันจากไป..."
"...และฉันเป็นตัวฉันเอง ฉันจะเลือกจะเดินจากไป ต่อให้ฉันรักเธอเท่าไหร่ก็เป็นได้แค่เพียงตัวเอง..."
"...อย่าขังฉันไว้ในความทรงจำที่ปวดร้าว ให้ฉันลืมเค้าสักที..."
"...เมื่อความรักยังไม่จางหาย แต่ความรักกลับมาทำร้าย ในคืนนี้..."
"...ดาวเธอเองได้ยินเรื่องรักแท้บ้างไหม ฉันเองไม่เคยจะเห็นหน้าตามันเป็นอย่างไร..."

ขอบคุณนะคะพี่ปอย...
วันนี้หลังจากฟังพี่พูด ได้คิดอะไรหลายๆอย่าง
ได้คิดว่า...เราหนีตัวเองมาตลอด หนีจากอดีต ไม่เคยคิดจะเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ
มันก้อแค่คนขี้ขลาดคนนึง วิ่งหนีสิ่งที่ตัวเองค้นหา
สุดท้ายก้อมานั่งเสียใจ ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ
ตั้งใจว่า จะเริ่มค้นหาใหม่...เท่าที่ทำได้

ไม่รู้ว่าพี่จะได้อ่านหรือเปล่า
ไม่ได้หวังให้พี่ทราบหรอกค่ะ...แค่รู้สึกกับตัวเอง แค่นี้ก้อพอใจแล้วล่ะ


ยังจำได้ ...ว่าวันนั้นเป็นวันที่เราตัดสินใจหนีออกจากสิ่งที่เคยติดอยู่ในหัว
ตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่
ถึงแม้จะทำให้เราต้องเสียใจซ้ำๆ ก็จงยอมรับมันว่าเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว

ผ่านวันนั้นมา 4 ปี
ไม่มีอะไรเหมือนในวันนั้นอีกเลย

คนที่เราเคยตัดสินใจในวันนั้นว่าจะกลับไปหา...กลับหายไปจากเราในวันนี้

คนที่นั่งอยู่ในสตูดิโอคอนเสิร์ตวันนั้นเหมือนกัน...กลับหาเราเจอ และอยู่ด้วยกันในช่วงเวลานึง

เราในวันนี้...ผ่านความสุขและความทุกข์หลายอย่าง

และทำให้หลายสิ่งในชีวิตกลายเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ดี

และไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่เคยทำลงไป

เหมือนกับตัวเราที่ "ไม่เสียใจที่เคยบอกรัก"

12.19.2553

โลกมันแคบ

เราควรต้องไกลกันให้มากกว่านี้

ไม่ใช่เพื่อใคร...

เพื่อตัวฉันเอง

ถึงฉันจะคิดถึงเธอเท่าไหร่มันก็แค่นั้นล่ะ ...

11.15.2553

Can love that's lost be found?



Somethin' happened along the way
what used to be happy was sad
Somethin' happened along the way
and yesterday was all we had
And oh after the love has gone
how could you lead me on
and not let me stay around
Oh oh oh after the love has gone
what used to be right is wrong
Can love that's lost be found





tell me...

11.05.2553

ยู-ทู-บี้ ตอนที่ 1

ช่วงนี้ ระหว่างอู้ไป เขียนงานไป
เพื่อนที่ดีที่สุด ยามเบื่อ เฟ-ซี่-บู-อุค คือ ยู-ทู-บี้

เลยแปะๆไว้เสียหน่อยดีกว่านะ ...
เพราะรู้สึกว่าที่นี่ร้างนานเกินไปล่ะ 555+

เป็นหนังรักที่เรารักที่สุดในปีนี้


พบวงนี้ช้าไป...เพราะเพิ่งมาเมืองไทยเมื่อเดือนที่แล้ว


คอนเสิร์ตที่ทำให้ระลึกถึงวัยเด็ก และอ้าปากค้างไปพร้อมๆกัน ...ไม่เสียดายที่ไปดู


GARDYN, 2010
หนึ่งใน 25 คลิปที่สร้างสรรค์ที่สุดในปีนี้ของยู-ทู-บี้


นี่ก็เป็นอีก หนึ่งใน 25
ฟังไม่แต่เดาออกและชอบชิบหายล่ะค่ะ
Le Syndrome du Timide - The Shy Syndrome


วันนี้...คงขอให้ทุกท่านหลับฝันดีไปกับผู้ชายสองคนนี้ ^___^

9.30.2553

นิราศงานแต่ง...จิตวิทยา ตอนที่ 1

สวัสดี กลับมาพบ กันอีกครั้ง
คุณผู้ฟัง ขอเสนอ นิราศใหม่
เป็นงานที่ จิตวิทยา ไม่อยู่ใย
เราฝันใฝ่ มาสี่ปี ให้มีมา

เพื่อนคนแรก ของเอกจิต พวกเรานี้
เพื่อนคนดี ณัฐติยา หรือว่าฝัน
แต่พวกเรา ไม่ได้เรียก กันเช่นนั้น
ขอเรียกกัน ว่าป้าต้อย สะดวกใจ

ป้าต้อยเอ่ย บอกพวกเรา เมื่อปีก่อน
ศิลปากร เพื่อนเอย ได้ยินไหม
ดิฉันจะ สละโสด ในใกล้ใกล้
ช้าอยู่ใย ป่าวประกาศ เพื่อเตรียมตัว

พอผ่านไป เกือบครึ่งปี เราเริ่มคิด
โอ้ชีวิต ชิบหายแล้ว งานเดือนหน้า
ชุดกูล่ะ ยังไงล่ะ ซวยเริ่มมา
วิ่งกันร่า หนึ่งเดือน ก่อนวันงาน

จนในวัน ยี่สิบสี่ เดือนกันยา
ความหรรษา เริ่มใน ก่อนหน้านั้น
เพื่อนบางคน มารวมตัว ก่อนหนึ่งวัน
ร่วมสังสรรค์ ห้องแนนซี่ กันเพลิดเพลิน

พอเช้าตรู่ ยังไม่สาง แดดไม่ออก
เราเริ่มบอก ตื่นตื่น เพื่อแต่งตัว
หน้าเพื่อนเพื่อน แต่ละคน ยังนัวนัว
นั่งมั่วมั่ว ไปแถวนนท์ วัดกำแพง




ในช่วงเช้า เพื่อนลางาน ไม่กี่คน
ได้ดิ้นรน มากัน แปดชีวิต
หนับ แนน แจง อาลี ปาล์ม หน่อย มิส (ข้าว)
เพื่อนสนิท อย่างกิ๊ก ก็มากัน



ในช่วงงาน เราทำตัว เป็นประโยชน์
นั่งไกลโยชน์ กินข้าว และถ่ายภาพ
พิธีการ เป็นอย่างไร เราไม่ทราบ
จึงมีภาพ เพื่อนเพื่อน มามากมาย(ทำไม?)




พิธีการ ใกล้เสร็จ อย่างสุดท้าย
เราย่างกราย รดน้ำสังข์ ให้เพื่อนฝูง
ได้ส่งคำ อวยพร เป็นกระบุง
โยนใส่ถุง ให้บ่าวสาว "มีลูกเลย!!!"



ขอตัดผ่าน ที่งาน เลี้ยงช่วงเช้า
ข้ามมาเล่า ช่วงเย็น เห็นจะดี
เพราะระหว่าง แต่งตัว ในช่วงนี้
ไม่ควรมี รูปถ่าย อนาจาร = ="

งานช่วงเย็น หอประชุม ของทหาร
เราเตรียมการ แต่งเต็มยศ กันหรูหรา
เจ้าสาวบอก กูภูมิใจ จริงจริงหนา
แชงกรีล่า ก็ไม่ใช่ แต่มาเต็ม!!!

อยากจะบอก เพื่อนขา กูเหนื่อยมาก
รูปเลือกยาก เพราะมันสวย และเยอะแยะ
เนื้อหา เรื่องในงาน เราไม่แวะ!!!
มากระแดะ ถ่ายรูป กันเฮฮา

แต่จะข้าม เรื่องบ่าวสาว ก็ใช่เรื่อง
เดี๋ยวจะเคือง คนเขียน กันหลายยก
งานวันนี้ ของเค้า อย่ามาหมก!!!
กลับมาวก ประเด็นงาน ก่อนและกัน

แต่จะกล่าว ที่มา ความสัมพันธ์
นิราศนั้น อาจไม่จบ สลบแน่
เพราะฉะนั้น จงดู!!! และจงแล!!!
ตัวพรีเซน จากเพื่อนแก หมัดอาลี



ในช่วงท้าย ของพิธี ที่สำคัญ
พิธีกร เรียกกัน เพื่อนเจ้าสาว
ให้รอรับ ดอกไม้ โยนยาวยาว
แต่เจ้าสาว โยนชนฝ้า เราอดไป

ตอนก่อนกลับ เรารื่นเริง กันอีกครั้ง
เฮด้านหลัง ห้องประชุม กันหนุกหนาน
ถ่ายรูปเยอะ อย่างที่เห็น เหมือนประจาน
"หญิงเหล่านั้น ยังไม่แต่งงาน ล่ะตัวเธอว์"






ก่อนจะลา จากกัน ในวันนี้
พวกเรามี คำอวยพร ให้บ่าวสาว
เก็บบ้านเสร็จ เร็วเร็ว อย่าทิ้งยาว
เจ้าสาวอย่า นับซอง จนเพลินไป (กูอวยพรตรงไหน??)

ไม่รู้ว่า อีกกี่ปี จะมีอีก
งานแต่งเพื่อน ชาวจิต รุ่น 33
มาพนัน กันทั่ว ทุกชั่วยาม
กูว่ายาก!!! ใครจะตาม คนต่อไป...

เอวัง...

9.18.2553

ETC.

พวกคุณรู้อะไรไหม??

เมื่อเราโตขึ้น การหาความสุขช่างดูเป็นเรื่องไกลตัวเราเสียเหลือเกิน
ความสุขดูจะลอยห่างไปไกล และมีความรับผิดชอบและความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเรายังเด็ก เราเคยหัวเราะและมีความสุขกับเรื่องง่ายดาย
อย่างการเดินเล่น สูดลมหายใจเต็มปอดที่ริมน้ำ
หรือแม้กระทั่งการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม
สามารถรื่นรมย์กับบรรยากาศเงียบๆ และอิ่มเอมได้บ่อยเท่าที่้ต้องการ

แต่เมื่อเวลาที่ผ่านไปไม่กี่ปี
เรากลับลืมความเรียบง่ายนั้นไปเกือบหมดสิ้น

สิ่งที่เรากลับทำได้มากที่สุด
คือ ความเศร้าและเหงาหงอย

เราอยู่พื้นที่ที่มีคนอยู่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ช่วย...

.........

เมื่อวันที่ 30 ที่ผ่านมา...
ฉันไปเสพติดความสุขอย่างนึงขึ้น
ความสุขจากการดูคอนเสิร์ต ที่มันหายไปจากความทรงจำของฉันนานแสนนาน

ETC. มาเล่นที่ brick bar

.........

หลายปีก่อน
ฉันเปิดเพลงๆนึงฟัง...
คนที่ฉันรัก เค้าเล่าให้ฉันฟังว่า เป็นเพลงที่เขาฟังบ่อยที่สุด ในวันเวลาที่เขาเศร้าจากความรักในอดีตของเขา
ฉันจำมันได้ขึ้นใจ

"เจ้าชายนิทรา"

...ปล่อยให้ฉันนอนหลับตา ก็ยังดีกว่ารู้ว่าเธอไม่รักกัน...

ประโยคที่ทำให้ฉันเสียใจล้นเหลือ ว่าในวันที่เขาไม่มีใคร ทำไมฉันจึงไม่อยู่ตรงนั้น
และฉันบอกตัวเองมาตลอด
ว่าฉันจะไม่มีทาง ทำให้เขาต้องรู้สึกอย่างนั้นจากฉันเด็ดขาด

.........

วันเวลาที่เปลี่ยนไป

ความสุขผ่านมา
ความทุกข์เข้ามา

ฉันหลงลืมตัวตนบางอย่างของฉันไป
หลงลืมความสุขในบางช่วงชีวิตของฉันไป
ฉันหลงอยู่ในวังวนแห่งความรับผิดชอบ และความซ้ำซาก

ฉันชวนเพื่อนไปดูคอนเสิร์ต ในที่ที่ฉันเคยไป

.........

ฉันชอบความรู้สึกในวันนั้น

บทสนทนาดีๆ
เหล้าดีๆ
เพลงดีๆ

ทำให้ฉันหลงรักอย่างเต็มหัวใจ

และเชื่ออย่างจริงใจ ว่าทำไมถึงมีหลายคนที่เป็นแฟนคลับพวกเขาอย่างเหนียวแน่น

.........

"พวกเขาจริงใจ เชื่อในตัวเองและเป็นตัวของตัวเอง"

นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่คนฟังพึงจะได้รับ
ฉันเคยฟังเพลงของพวกเขาในวันที่ฉันเศร้าที่สุด

แต่ในวันนี้ ฉันเลือกรู้จักพวกเขา ในวันที่ฉันต้องการความสุขใจ

ฉันยังคงเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ
ที่เชื่่อว่า เราสามารถทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนทำเพลงได้
นั่นคือ การอุดหนุนผลงานอย่างถูกกฎหมาย

เพราะมันมีความตั้งใจของพวกเขาอยู่ในนั้นอย่างมากมาย

.........

ที่เขียนมาเสียยืดดดดดดดยาว

สามารถสรุปได้ใจความสั้นๆ

ฉันมีความสุขกับเพลงของพวกคุณมากนะคะ ETC.
ในช่วงหลายวันมานี้ ฉันเปิดฟังเพลงของพวกคุณบ่อยมาก
เพราะความรู้สึกดีๆ จากเพลงของพวกคุณในวันนั้น มันสร้างความสุขเล็กๆ สำหรับทุกวันจริงๆ

^__________________^

ป.ล.

ขอแปะคลิปจาก หน้า fb นะคะ...ขออนุญาตคนถ่ายไว้ด้วยที่แอบโหลดมา >/\<


9.15.2553

15 กันยายน 2010

15 กันยายน...ของทุกปี


ฉันตอบคนภายนอกไม่ได้เหมือนกัน

ว่าวันนี้สำคัญอย่างไร...

รู้เพียง "ท่าน"

สอนให้ฉัน

รู้จักความสำคัญของ "วันนี้" ไม่ต้องรอถึง "พรุ่งนี้"

รู้จักความสำคัญของ "การทำงาน"

และรู้จักความสำคัญของ "การทำเพื่อผู้อื่น"


9.04.2553

แหว่ง...

แค่รู้สึกว่า...

ช่วงนี้

ฉันอ่อนแอ

และมีบางส่วน

แหว่งหายไปอีกครั้ง

ได้กลับมาตอกย้ำตัวเอง...

ไม่มีใครทำให้เรามีความสุขได้เท่าตัวเราเอง

ความทุกข์ก็เช่นกัน




ป.ล. ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยไปนะคะ ^^"

9.02.2553

ปล่อย...

กลางคอนเสิร์ต
ใต้แสงไฟ
เพียงเบาบาง

ทุกทุกคน
มีความสุข
ยกเว้นฉัน

เมื่อได้ฟังเพลงนี้...

ฉันคงทำได้แค่
ส่งเสียงเบาๆ

และน้ำตาไหล...

8.31.2553

วันนี้นึกขึ้นมาได้...

ว่าไม่ได้เขียนอะไรนานแล้ว - -"

(ขออภัยคนที่เข้ามาด้วยค่ะ ถึงจะทราบว่าไม่มีแฟนประจำก็ตามเถอะ)

-------------------------------------------------

ช่วง 2-3 เดือนที่หายไป เป็นช่วงที่หลงเข้าไปใน social network อย่างจัง

ได้เห็น "โลก" เห็น "คน" หลายมุม

ได้ข้อคิด หลายอย่างในการใช้ชีวิต ที่ช่วยให้ เราต้องคิดก่อนพูด คิดก่อนทำ และคิดก่อนตัดสินใจให้มากขึ้น

และได้เห็นตัวเองด้วย...ว่าบางที เราก็คิดเรื่องคนอื่นมากไป อยากช่วยแก้ปัญหาจนไมเกรนขึ้น = ="

แต่ตอนนี้ ก็ปล่อยวางได้เยอะ ลดการคิดให้น้อยลง และหาความสุขให้ตัวเอง ในแบบของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้... เมื่อวานจึงไปดู etc. ที่ brick bar มา


^______________________________________^

ขอยิ้มกว้างๆแทนคำพูด

ขอเก็บความสุขจาก eye contact ที่อาจไม่มีความหมายสำหรับใครเลย ... (แต่มันทำให้เรามีความสุขมากกก)

แค่นั้น...

ดนตรี จากวงดีๆ ก็ทำเติมพลังชีวิตของเราจากวันเหนื่อยๆ ได้มากมาย (นอกดึก ตาหมีแพนด้า โดนคนเมาฟาดหัว ก็ยอม)



เชื่อจากใจ ...

ว่าง่ายที่จะรัก แต่ยากเกินจะลืม

6.15.2553

อีกคืน... ที่นอนไม่หลับ


อีกคืน... ที่รู้ตัว ว่าย้อนเวลากลับไม่ได้


และอีกคืน... ที่รู้ตัว ว่าฉันไม่ใช่คนไม่มีหัวใจ


เคยถามฉันบ้างไหม??


ว่าตอนนี้ ฉันสุข หรือ ฉันทุกข์??


เพราะฉันรู้สึกว่า...


ฉัน ไม่ได้รับ ความสุข "จริงๆ" มานานแล้ว

5.22.2553

ticket

สำหรับคนลืมง่าย อย่างดิฉัน...

การเก็บวัตถุเตือนความจำ ก็เป็นเครื่องหมายดอกจันชั้นดีในชีวิต


ตั๋วคอนเสิร์ตทั้งหลาย


ฟรีบ้าง ไม่ฟรีบ้าง (ส่วนใหญ่ที่แพงๆจะฟรี :-P)



ได้ตั๋วมาฟรี บางทีก็ไม่ได้ไปดู

หรือบางคอนเสิร์ตไม่มีตั๋ว ก็ขโมยบัตร staff มาเก็บไว้ก็มี



บางคอนเสิร์ตก็เป็นความทรงจำที่ดี

แต่บางที่ ก็เป็นความทรงจำที่เสียน้ำตาไปเป็นลิตรก็มี



ที่เสียเงินเองเยอะสุด คงเป็น fat festival

(จริงๆน่าจะเก็บบัตรตั้งแต่ครั้งที่ 2-8 ไว้เลยเนอะ)



แต่ตั๋วที่มีเยอะสุดคงเป็น ตั๋วหนัง...(ของลิโดเยอะสุด...)

โรงหนังที่เข้าไปดูหนังกับเพื่อนๆเรื่องแรก ก็คงเป็นลิโด

ไปดูหนังกับแฟนก็ลิโด

ไปดูหนังคนเดียวก็ลิโด

ขอให้กำลังใจผู้บริหารเครือเอเพ็กซ์นะคะ (^__^) อยากให้คุณยืนหยัดได้ในเร็ววัน เพราะพวกเราก็เป็นแฟนเหนียวแน่นของพวกคุณเสมอ

(ถ้าตั๋วหนังหน้าตาแปลกๆ ก็ของฟรีเช่นเคย ^^")



บางใบ ก็เป็นโปสการ์ดที่เพื่อนส่งมา... บ้างก็การ์ดเชิญ



บางทีก็บัตรละครเวที...หรือโปสการ์ดในงานแสดงศิลปะ



แต่ใบนี้... เป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีในเมืองไทยแล้ว

แต่ยังจำได้ไม่มีวันลืม

ไม่รู้ว่าเจ้าของตั๋วอีกใบ ที่ให้ฉันเก็บไว้... เค้าจะจำได้ไหมว่าเคยไปที่นั่น ^__^



ขอสนับสนุนให้ทุกคนเก็บขยะใบเล็กๆ เหล่านี้เพื่อช่วยให้โลกร้อนขึ้นนะคะ

แล้วคุณจะรู้ ว่าความทรงจำมันมีค่า มากกว่าแค่เศษกระดาษเป็นไหนๆ

5.04.2553

ยังมี...




"หากเธอสมหวังในวันหนึ่ง ให้รู้ว่าฉัน ยังแอบเห็นและชื่นชม

หากเธอท้อแท้ ฉันยังอยู่ หากแม้นไม่เห็นฉัน จงโปรดรู้ไว้ว่าเธอ ใช่อยู่คนเดียว"








รู้ว่าอ่านอยู่...


(ไม่ต้องบ่นว่าเพลงแก่ เกิดไม่ทัน ...รู้ว่าคุณย่าชอบเปิดให้ฟังบ่อยๆ )




แค่จะแวะมาบ่นลอยๆ ว่า






คิดถึงนะเฮ้ย...

^__^

4.28.2553

ช่วงวัยเบญจเพส

ทำให้เรามองเห็นสัจธรรมของชีวิต

ว่าชีวิตไม่เคยมีอะไรแน่นอน และมันดูยุ่งเหยิงเกินกว่าที่เราคาด

บางเรื่อง เหมือนจะเป็นอย่างที่ตั้งใจ ...แต่ไม่

บางเรื่อง ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น ...แต่มันเกิด

บางเรื่อง เหมือนจะจบ ...แต่ไม่จบ

แต่บางเรื่อง ไม่อยากให้มันจบ ...ก็กลับจบลงได้ง่ายๆ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ


แต่เรื่องในชีวิตเหล่านั้น... ทำให้เรามองเห็นการเติบโตของตัวเอง

ถ้าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีเรื่องแบบนี้ผ่านมา อาจแก้ปัญหาไม่ได้เท่ากับตอนนี้

ขอบคุณชีวิต ^__^



ป.ล. คุณบุคคลนิรนามคะ... เราขอตอบคำถามเมื่อหน้าที่แล้วค่ะ

เราเชื่อว่าเสน่ห์ของผู้หญิงย่อมดีกว่าความสวยเพียงรูปกายภายนอกแน่นอน
แต่การที่ผู้หญิงจะค้นพบเสน่ห์เหล่านั้น มันอาจจะยาก หรือตัวเธอเองอาจไม่ได้มองว่ามันเป็นเสน่ห์ก็ได้
เพราะส่วนใหญ่ที่เราประทับใจผู้อื่น เสน่ห์เหล่านั้นไม่ใช่สิ่งซับว้อน
แต่กลับเป็นเพียง รอยยิ้มง่ายๆ หรือคำพูดที่จริงใจจนทำให้ตัวเค้ามองข้ามตัวเอง

และเราคงไม่ใช่คนที่มีสิ่งน่าตื่นเต้นให้คนรอบข้างมองเห็นขนาดนั้น
แค่ทำชีวิตให้มีความสุขในแบบของเรา คนรอบข้างก็คงจะมีความสุขตามเราไปเช่นกันค่ะ ^_^



ชอบเพลงนี้ เวอร์ชั่นนี้เสมอ

4.07.2553

ความเหงาในอากาศ

ทุกวันนี้...

เราว่า มนุษย์เราเหงาง่ายขึ้นนะ

เราพยายามจะพูดภาษามนุษย์ผ่านหน้าจอกันอยู่ตลอดเวลา

ทั้งๆที่บางครั้ง สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ความจำเป็นเลยด้วยซ้ำ


...แต่อาจเพราะความอดทนของคนสมัยนี้มันต่ำลงด้วยมั้ง

เลยเลือกที่จะใช้เงินเพื่อซื้อของบางอย่างทดแทนความรู้สึกเหล่านั้น

ทดแทนความรู้สึกเหงา

ทดแทนความรู้สึกว่าเราอยู่คนเดียวในโลก

จนตอนนี้มันเป็นภาพที่ชินตา

ที่เราเห็นเด็กสมัยนี้ไม่สามารถจะยืนอยู่เงียบๆ ในรถไฟฟ้าได้

ไม่สามารถนั่งรถโดยไม่กดหน้าจอคุยกับเพื่อนได้

ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้อยู่ไกลกันคนละขอบฟ้าขนาดนั้นเลย

เพราะสุดท้าย ถ้าเรื่องเหล่านั้นมันสำคัญจริงๆ

เรากลับเลือกที่จะพูดกันผ่านโทรศัพท์ หรือไปเจอกันมากกว่า

ไม่เช่นนั้น คุณลองถามตัวเองดูสิ...

คนที่เราคุยผ่านหน้าจอแบบนั้น มีกี่คนที่เราเห็นความสำคัญมากขนาดที่อยากเจอกันบ่อยๆ

3.24.2553

ความรักเพรียกหา...



หาเพลงนี้นานมาก...ว่าเป็นเพลงชื่ออะไรของใคร

"ความรักเพรียกหา"

ของคุณวินัย พันธุรักษ์ ค่ะ ^__^

"ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร เพื่อนบางคนก็ยังคงเป็นความสุขของเราวันยังค่ำ

แต่บางครั้ง ความสุขที่เคยมีกับคนหนึ่งคน มันก็ไม่อาจกลับมาเพียงเพราะการตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียว"

3.09.2553



ความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร

สุขสมได้ดั่งใจ

หรือเป็นแค่ฝันชั่วคราว...

2.23.2553

faith

Once,my best friend believed I always have faith in my life.

Today,I don't think that's alway true,

Because I lost it.

Bye bye,

My trust and my faith

2.20.2553





(ที่มาของภาพ: http://spacetime.multiply.com/)

อยากนั่งฟังเพลงนี้

ตอนพระอาทิตย์ใกล้ตก

ในสวนกลางเมือง

นั่งให้อาหารปลาเงียบๆ

ลมพัดเบาๆ

แต่คงไม่ได้ไปที่สวนนั้นแล้วมั้ง

ได้แค่คิดถึง...
และพูดกับตัวเอง

ก็แค่นั้น...

^__^

2.19.2553



เมื่ออายุพวกเรามากขึ้น

ชีวิตก็ยากขึ้นเช่นดังที่เคยพูดไว้

บางเวลา เราอาจไม่พบสาเหตุของปัญหาที่เกิด

แต่ไม่ว่าเราจะเฝ้าตามหาสาเหตุของมันมากเท่าใด

ผลของมันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว

คงทำได้เพียง นั่งเฝ้าโทษตัวเองและคร่ำครวญว่าทำไมเราจึงไม่ทำสิ่งๆเหล่านั้นให้ดีขึ้นกว่านี่้

... แต่ไม่ว่าเราจะเฝ้าไตร่ตรองมันมากเพียงใด

สิ่งที่เราทำลงไปก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

ถ้าเช่นนั้น เราก็จงเดินหน้าต่อไป

และจงยอมรับผลของการกระทำนั้น

ใช้ชีวิตต่อไป...

เรียนรู้กันต่อไป...

เพราะเหตุนั้น เพลงเหล่านี้จึงอยู่เป็นเพื่อนเราเสมอมา

ถึงแม้จะต้องยิ้ม และฟังทั้งน้ำตาก็ตาม ^__^

1.29.2553

รับสมัครแนวร่วม...



ใครสนใจโทรมา...

อยากดูคอนเสิร์ตโครต

(ไ่มข่าวว่าดูหลายครั้งแล้ว >_<)

1.25.2553

ตลกวันละนิด...

ไม่ต้องเดาเลยว่าฝีมือใคร...




เข้าไปเสื่อมได้ที่ http://fail.in.th/

1.24.2553

เนื้อคู่ฯ ...คุณเชียร์ใคร??



วันจันทร์ ...

4 ทุ่มครึ่ง...

ไม่ต้องชวนไปไหนนะ

เพราะจะดูเรื่องนี้ >_<



แอบเชียร์โจอย่างลับๆ (ลับเหรอ??)

1.18.2553

หัวเหลืองกับหัวฟ้า





ทุกคนคงคุ้นเคยกับตัวละครนี้ในโลกออนไลน์นะคะ

แต่จะมีคนรู้จักสักกี่คนว่า คนเขียนคือใคร

เค้าชื่อ Jeff Thomas มี Official home คือ azuzephre

น้องหัวเหลืองกับหัวฟ้า เค้าชื่อ Pon กับ Zi

สำหรับฉัน สิ่งที่ฉันโปรดคงไม่ใช่ข้อความน่ารักหวานๆ

แต่คงเป็นความน่ารักที่แฝงด้วยความเศร้าเสมอ

เหมือนภาพแบบนี้



1.12.2553

ผู้หญิงส่วนใหญ่ คงไม่ได้ต้องการผู้ชายสักคน
เพียงเพื่อมาเป็นคนที่กินข้าวด้วยหรือไปไหนมาไหนด้วย

ผู้หญิงส่วนใหญ่ คงต้องการเพียงผู้ชายสักคน
ที่สามารถเป็นที่พึ่งพิง หรือเป็นเพียงคนๆเดียวที่เราสามารถแสดงความอ่อนแอกับเค้าได้

แต่ถ้า ณ ขณะนั้น ที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเผชิญกับภาวะที่หวาดกลัวที่สุด
ต้องอยู่ในความมืด และเผชิญหน้ากับภาวะนั้น

สิ่งที่เธอทำได้เป็นเพียงคว้ามือไปหาสิ่งพึ่งพิงนั้น

แต่...

กลับได้เพียงความมืดมิดกลับมา

ไม่มีความรู้สึกที่ทำให้เธออุ่นใจได้เพียงสักนิด
ว่าสิ่งที่เธอเผชิญ มีสิ่งที่มั่นคงและเธอมั่นใจได้อยู่เคียงข้าง

ผู้หญิงเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร??

ช่วยตอบให้ผู้หญิงแบบฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ??

1.11.2553

พรุ่งนี้...



มีเพื่อนคนนึงเคยบอกว่า...

เพลงของวงนี้เปรี่ยบเสมือนความชิลล์ของตัวฉัน

วันนี้ได้กลับมาฟังเพลงที่คุ้นเคย

แล้วเคยเสียน้ำตาให้มันในครั้งนั้น

วันนี้ก็เช่นกัน...

ไม่ต้องรอถึง "พรุ่งนี้"