12.28.2552

สิงคโปร์สามวัน...กินกันไม่ลง...(ตอนจบ)

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่ คือ little india...



ซื้อของอะไรไม่ได้ เดินดูได้อย่างเดียว...

เข้าวัดก็ไม่ได้เพราะเป็นช่วงเวลาเค้าปิดให้คนเข้าไหว้พอดี

เลยเดินทนดมกลิ่นแขกไปเรื่อยๆ



แต่มีอีกที่ที่ไม่ต้องทนกลิ่น คือ china town



ของที่ขายก็เหมือนเยาวราชบ้านเรา



ไปเดินเอาบรรยากาศดีที่สุด



แหล่งช็อปที่ดีที่สุด คือ mustafa
(ดูจากจำนวนถุงที่ซื้อ - -" เป็นของกินซะเกินครึ่ง)



เดินซุปเปอร์ตามห้างก็ดีนะ เพราะได้เห็นของแปลกๆ เยอะดี



สิ่งที่ห้ามลืมซื้อถ้าเป็น shopper ตัวจริง คือ กระเป๋า charles & keith



อาหารที่แนะนำและควรกิน คือ ร้านหยำฉา ที่ chinatown

กรุณาหาทางขึ้นให้เจอ มันจะแอบอยู่ตามซอกๆ และขึ้นได้หลายทาง



เมนูที่นี่อ่านง่าย มีภาษาอังกฤษ และมีรูปประกอบ
(อย่าลืมบอกเค้าก่อนด้วยว่าไม่เข้าใจภาษาจีน - -")
ป.ล. ชาจีนที่นี่เกรดดีกว่าทุกร้านในเมืองไทยที่เคยกินมา (หมายถึงบริการเติมชาตามร้านนะ )

เวลาอยากได้อะไร ก็กดปุ่มเรียกเค้าตรงป้ายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ ...ไม่ต้องตะโกนเรียกให้โล้งเล้งเหนื่อยใจ



ซอสที่นี่เป็นซอสพริกเปรี้ยว กินกับติมซำอร่อยนักแล...

ถั่วถ้วยเล็กๆนั่นคิดราคาไปแล้ว ถ้วยละ 2 เหรียญถ้าจำไม่ผิด - -" เพราะฉะนั้น กินซะ!!!



อาหารเบสิคอย่างซาลาเปาถั่วแดงก็อร่อย...เข้มข้นแต่ไม่หวานไป

ฮะเก๋ากุ้งควายโครตตตตต >__<



สรุป คือ ที่นี่อาหารจีนอร่อยทุกอย่าง

แม้กระทั่งปอเปี๊ยะกุ้งแสนธรรมดา



ข้าวผัด อาหารปราบเซียนของอาหารจีน เหมือนกินไส้บ๊ะจ่าง

ซุปอะไรสักอย่าง ก็เหมือนกินเศษหูฉลามอร่อยๆ



จานปิดท้าย คือ เป็ดปักกิ่ง จะมีบริกรมาหั่นให้ดูตรงหน้า

ดูหรูหราขึ้นมาทันที
(ตอนเค้าหั่นให้ แอบหั่นล่วงไปชิ้นนึง เราก็ทำเบลอเพื่อให้เค้าไม่รู้สึกผิดมาก ^^ )



เนื้อเป็ดก็เอาไปตุ๋นมาให้กิน

เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่ดีทีเดียว...



ขากลับ ขึ้นรถไฟฟ้าเช่นเคย

แต่เงินในบัตรหมด เลยใช้บัตรธรรมดาแทน จะได้ไม่ต้องเติมเงินบัตรอีก 10 เหรียญแล้วไม่ได้ใช้



ขึ้นเครื่องกลับไทยโดยสวัสดิภาพ

ได้ตราประทับเพิ่มมาอีกประเทศ



สำหรับการเริ่มท่องเที่ยวด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก
ถือว่าประทับใจประเทศนี้มาก เพราะเดินทางสะดวก อาชญากรรมต่ำมาก และได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกแยะ

หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับไปที่นั่นอีกนะ ^^

12.22.2552

สิงคโปร์สามวัน...กินกันไม่ลง...(ตอนที่ 3)

ข้อดีของการไปเที่ยวช่วงเดือนธันวา คือ

ถนนเส้นหลักเกือบทุกเส้น ไฟสวย...





บรรยากาศโรแมนติก หาได้ไม่ยาก ถ้าเราคิดจะมองหา... ^___^



ร้านขายของทอดที่หมายมั่นว่าจะต้องกินให้ได้

แต่กว่าจะหาเจอได้ ก็อิ่มจนกินไม่ลงล่ะ...



(กรุณาอย่าแซะต้นคริสต์มาสต้นนี้กิน - -")



ที่นี่ คนเดินถนน มีอำนาจเหนือรถคันใดๆ...(ถ้าติดไฟแดงเท่านั้นนะจ๊ะ)



ออร์ชาร์ดไม่ได้สวยแค่กลางคืนอย่างเดียว

กลางวันก็โอนะจ๊ะ



ชอบ MRT ที่นี่จริงๆ



อุปกรณ์สำหรับในการเดินเที่ยวอีกอย่าง คือ...
แว่นกันแดด



ข้อดีของที่นี่ คือ

ความต่างในวัฒนธรรม สามารถอยู่ผสมปะปนกันได้ อย่างไม่เคอะเขิน



วัดแขกอยู่ติดศาลเจ้าจีนก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร

(แต่ที่แปลกคือ ทำไมดอกบัวต้องย้อมสีแดง??)



โบสถ์คริสต์ก็อยู่ถนนถัดไป...



ตลาดนัดที่นี่ก็เหมือนๆบ้านเราแหละ

ร้อนเหมือนๆกัน - -"



แต่สิ่งที่คิดว่าแปลกประหลาดที่สุด...

ทำไมต้องตากผ้าแบบนี้ฟะ???



(รูปเยอะไปป่ะ...ขอตอนหน้าอีกตอนล่ะกันนะ)

สิงคโปร์สามวัน...กินกันไม่ลง...(ตอนที่ 2)

ไอติมตามรถเข็นริมถนนอร่อยมาก... (แต่คนขายมักพูดอังกฤษไม่ได้ ใช้มือจิ้มจะดีที่สุด)



คนสิงคโปร์ไม่ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวไปงานแต่ง

เราเดินเงียบๆ ไม่พูดภาษาไทย เค้าก็คิดว่าเรามางาน



ตึกโบราณของสิงคโปร์ ถึงจะบูรณะ ก็ยังอยากให้ดูเก่าอยู่เสมอ

ไม่เหมือนของไทย บูรณะก็ทำอย่างเดียวคือ ทาสีใหม่



ถ้าเวลามีน้อย...ลองจัดสรรเวลาดีๆ เราจะได้มีโอกาสเข้าพิพิธภัณฑ์



แต่ถ้าไม่มีเวลา...และฝนไม่ลงเม็ดหนามาก

เดินเลาะแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็สบายใจดี สถานที่สวยงาม



ถ้าคุณไปเพื่อถ่ายรูป...

กรุณาสร้างสรรค์ท่าถ่ายรูปนิดนึง ...ไม่งั้นมันจะหมดมุข (เช่นเดี๊ยน - -")



สิงโตอ้วกในสิงคโปร์ มี 3 ตัว...ตัวพ่อ ตัวแม่ ตัวลูก
ตัวพ่ออยู่ที่ sentosa

ถ้าขี้เกียจไปที่นั่น....ถ่ายรูปกับตัวแม่และตัวลูกก็พอ
เพราะมันอยู่ที่ Merlion Park ทั้งคู่





ตรง Merlion Park

มี Singapore River Cruise ราคาคุ้มค่ามากกว่าการเดินเที่ยวเอง
ครึ่งชั่วโมง 13 เหรียญ คุ้มค่าดี...






ใต้สะพานเมืองไทย เด็กๆเอาไว้เสพยา

ใต้สะพานสิงคโปร์ เค้าเอาไว้เปิด starbucks - -"

12.09.2552

สิงคโปร์สามวัน...กินกันไม่ลง...(ตอนที่ 1)

1 เหรียญสิงคโปร์ เท่ากับ 24 บาท โดยเฉลี่ย

อย่าโอ้เอ้อยู่นอกสนามบินมากนัก เพราะเราจะไม่มีทางรู้ได้ว่า ตม.มีคนไทยเยอะมากแค่ไหน (ห้าม!!!นั่งกินกาแฟที่ black canyon เด็ดขาด เพราะมาตรฐานการบริการและระยะเวลาในการเรียกเก็บเงินเหมือนกันทุกที่)



ที่สุวรรณภูมิ ถ้าคุณขึ้นสายการบิน low-cost ก็เหนื่อยหน่อย.... กรุณาฝึกวิ่งก่อนไปสัก 2-3 เดือน



ใส่รองเท้าที่สบายเท้าจะดีที่สุด เท้าสวยที่สยามพอล่ะ



ถ้านั่ง tiger airways คุณจะได้ลงที่ budget terminal

จาก budget terminal ต้องต่อ shuttle bus (ฟรี) เข้า terminal 2 เพื่อนั่ง MRT เข้าเมือง



สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางคือ แผนที่ MRT

รองลงมา คือ หนังสือนำเที่ยว ที่มีแผนที่แยกโซนอย่างชัดเจน

แผนที่ ที่สนามบินช่วยอะไรไม่ได้เลย

ถึงแม้ถนนในแผนที่จะดูไกลจากกันมาก แต่จริงๆ แล้วอาจห่างกันแค่ 1-2 นาที

วิชาลูกเสือในประเทศไทยควรสอนการอ่านแผนที่มากกว่าการใช้เข็มทิศแก่เด็กทุกคน



เดินไปที่ ticket office เพื่อซื้อ ez-link card ราคา 15SD (ใช้ได้ประมาณ 10SD เติมเงินที่ตู้ครั้งละ 10 SD) แล้วชีวิตจะสะดวกสบายขึ้นเยอะ






ถ้าตาตี่ หน้าจีน ควรพูดและฟังภาษาจีนให้ได้บ้าง



MRT มีสายประมาณ 5 สาย...ดูดีๆ ว่าเราต้องเปลี่ยนสถานีที่ไหน
อย่าลืมดูด้วยว่าประตูเปิดข้างไหน



เพราะบางทีเราไม่ได้เปลี่ยนแค่ฝั่งซ้ายขวา แต่เดินขึ้นหลายชั้นมาก



เสา MRT แตกแขนงออกเป็น 3 แง่ง...ไม่ต้องทะเลาะกันเรื่องไม่มีที่เกาะแบบ BTS ไทย



โรงแรมส่วนใหญ่พักได้ 2 คนต่อห้อง...ถ้าไป 3 คนก็เรียกเตียงเสริมได้
แต่ที่นี่อัพให้เราเป็น family room นอนได้ 5 คน
และ อย่าหวังให้โรงแรมมีน้ำให้กิน...เพราะไม่มี


ควรกินอาหารได้หลากหลายสัญชาติและลองกินอาหารหน้าตาแปลกๆ ให้ได้

อาหารจีน ข้าวมันไก่ บะหมี่เป็ด ลูกชิ้นปลา อร่อยมาก



อาหารทั้งหมดจากใน food court
(มุมบนขวา-อาหารอินโดนีเซีย มุมล่างขวา-ข้าวหมูพะโล้)


(ซ้าย-ginger beer ขวา- cheese cake@breadtalk >_<)


(บน-เกี้ยมอี๋ ลูกชิ้นเต้าหู้
ล่างซ้าย- fish&ships ล่างขวา-รวมของทอดแบบจีนๆ)


ข้าวมันไก่ร้านเมพ....



ซอสในอาหารทุกอย่างจะออกหวาน
ขนาด chilli ยังไม่เผ็ด แต่เปรี้ยวๆ หวานๆ